จ่าสิบโทรัตน์ธศาสตร์ สิทธิวงค์

 รายชื่อการยิงเป้าจากการเผยแพร่ของอรรถยุทธพวงสุวรรณกับเนื้อหาที่โดเด่นไม่เพียงพอจะเป็นบทความ โดยเป็นไปตามผู้ใช้:Stirz117/บทความตามแผน + ผู้ใช้:Stirz117/เปี๊ยก เฉลิมไทย๐1

วาด ขุนจันทร์ เป็นผู้ต้องโทษประหารชีวิตคนที่ 284 ของประเทศไทยด้วยการยิงเป้า ในความผิดฐานวางเพลิงบ้านพักคนงานก่อสร้างเพื่อสังหารหมู่ครอบครัวแก้วเกลี้ยงจนเป็นเหตุให้นางสาววันดี แก้วเกลี้ยง อายุ 16 ปี เสียชีวิต และนายจำนงค์ แก้วเกลี้ยง อายุ 40 ปี กับเด็กหญิง สายสุณี แก้วเกลี้ยง อายุ 13 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส 

วาด ขุนจันทร์เป็นชาวตำบลควนชะริส โดยเขาเคยถูกจับกุมในคดีกระทำผิดฐานบุกรุกและกระทำอนาจาร โดยถูกตัดสินจำคุก 2 ปี และถุกตัดสินจำคุก 2 เดือนฐานหลบหนีการควบคุม ก่อนจะพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2538 หลังจากที่เขาพ้นโทษเขาได้ไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างที่หมู่บ้านจัดสรรในอำเภอหาดใหญ่ ทำให้เขารู้จักกับครอบครัวแก้วเกลี้ยง หลังจากที่เขาได้พบกับวันดี แก้วเกลี้ยวเขาก้รู้สึกชอบเธอจึงพยายามจีบ แต่เธอไม่ได้สนใจ ส่วนพ่อของเธอแสดงความรังเกียจวาด ทำให้เขาจึงเก็บความแค้นเอาไว้ ในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2538 วาดได้บุกเข้าไปในบ้านของวันดีซึ่งเธอไม่สบายทำให้ต้องนอนอยู่บ้าน วาดจึงใช้มีดจี้วันดีและได้ข่มขืนเธอจนสำเร็จความใคร่ไป 2 ครั้ง และสั่งวันดีว่าเรื่องที่ข่มขืนไปบอกใครอย่างเด็ดขาด แต่วันดีไม่เชื่อวาดและได้นำเรื่องดังกล่าวบอกพ่อของเธอพร้อมกับแจ้งความ วาดจึงส่งจดหมายมาข่มขู่วันดีว่า"เตือนแล้วไม่เชื่อก็อย่าอยู่ร่วมโลกกันอีกเลย" และเขาก็หาโอกาสล้างแค้นครอบครัวของวันดี

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2538 วาดได้วางแผนล้างแค้นครอบครัววันดีโดยการเผาให้หมดทั้งครอบครัว เขาจึงไปซื้อน้ำมันและเตรียมโซ่กับกุญแจเพื่อล็อกประตูห้อง หลังจากนั้นเขาได้ไปดื่มเหล้าเพื่อย้อมใจจนคนในครอบครัววันหลับทั้งหมด วาดจึงใช้กุญแจและโซ่ปิดทางออกก่อนจะใช้น้ำราดจนทั่วแล้วจุดไฟเผาก่อนจะหลบหนีไป หลังจากเกิดไฟไหม้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาควบคุมเพลิงเป็นเวา 1 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือจำนงค์กับสายสุณีได้ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือวันดีได้ หลังจากควบลคุมเพลิงได้พบว่าบ้านพักคนงานก่อสร้างถูกเผาไป 11 ห้องและพบศพของันดีในที่เกิดเหตุ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคืนวาด ขุนจันทร์

วาดถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2538 โดยวาดได้ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นสืบสวน ต่อมาศาลจังหวัดสงขลาได้ตัดสินประหารชีวิตวาด และเชื่อว่าวาดได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง และมีพฤติการณ์ที่โหดเหี้ยมอำมหิต ตั้งใจที่จะฆ่าคนให้ตายอย่างทรมาน โดยการปิดล็อกประตูห้องซึ่งเป็นทางออก แล้วทำการจุดไฟเพื่อวางเพลิงเผาบ้านในขณะที่มีคนนอนหลับอยู่ข้างใน จนมีคนตายและบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังได้เคยกระทำการข่มขืนผู้ตายอีก เมื่อผู้ตายแจ้งความเอาผิด ยังได้เคยกระทำการข่มขู่อาฆาตผู้ตาย โดยการเขียนจดหมายมาข่มขู่อีกด้วย และยังได้เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน จนถูกตัดสินลงโทษให้จำคุกมาแล้ว แต่เมื่อพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน กลับมาก่อเหตุซ้ำขึ้นอีก แสดงว่าไม่มีความหลาบจำต่อโทษทัณฑ์ที่ได้รับ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง มีสันดานเป็นผู้ร้ายก่อเหตุซ้ำซ้อน เจตนาที่จะฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงและเด็กซึ่งไม่มีทางต่อสู้ เห็นควรให้ลงโทษขั้นสูงสุด คือประหารชีวิต ต่อมาวาดถูกศาลอุทธรณ์แต่เขาไม่ยื่นฎีกาประหารชีวิต เขาทำหนังสือถวายฎีกาทูลเกล้าเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวก็ถูกยก

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2542 เวลา 16.00น. วาดถูกเบิดตัวจากห้องขังในแดน 1 เพื่อนำตัวไปประหารชีวิต ในระหว่างการเบิกตัววาดมีอาการตัวสั่นและหน้าซีดพร้อมกับขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน เมื่อนำตัววาดออกจากห้องขังเขามีอาการเข่าอ่อนทำให้ต้องพยุงตัวมายังหมวดผู้ช่วยเหลือ เพื่อตรวจสอบประวัติบุคคลและพิมพ์ลายนิ้วมือนักโทษ หลังจากที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จ เวรผู้ใหญ่ได้เข้ามาทำการอ่านคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นได้ให้ทำพินัยกรรมและเขียนจดหมายตามสะดวก เขาได้เขียนจดหมายมีใจความว่า “ลูกหมดเวรกรรมที่ได้ก่อมาแล้ว ขอฝากให้น้องๆช่วยกันดูแลพ่อแม่ด้วย” วาดได้ขออาหารมื้อสุดท้ายเป็นแกงไตปลากับข้าวเหนียวสังขยา เจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์คนหนึ่งซึ่งมาดูนักโทษประหารทั้งสามคนได้ยกกับข้าวมื้อเย็นซึ่งประกอบดด้วยแกงไตปลาและข้าวเหนียวสังขยา วาดจึงกล่าวขอบคุณและกินอาหารจนหมด โดยวาดได้กล่าวว่า “คนใต้อย่างผม แกงไตปลาถือว่าเป็นอาหารโปรดที่สุด ขอขอบคุณทุกคนมากครับ” วาดถูกประหารชีวิตเมื่อเวลา 17.05 น. โดยใช้กระสุนจำนวน 9 นัด เชาวเรศน์ จารุบุณย์เป็นเพชณฆาต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวของเก้า ปั้นหยัด นักโทษปะหารในคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ ที่จังหวัดนครปฐม เข้าสู่ห้องประหารเป็นคนที่ 2 หลังจากนั้นประหารชีวิตเก้าได้นำตัวของอุทัย กัญชนะกาญจน์ มือปืนรับจ้าง มาประหารชีวิตเป็นคนสุดท้าย

เกิดพ.ศ 2517
ตำบลควนชะริส อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
เสียชีวิต19 กรกฎาคม พ.ศ.2542 (อายุ 25 ปี)
เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรีจังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตประหารชีวิตด้วยการยิง
ชื่ออื่นเขียว, จุล
อาชีพคนงานก่อสร้าง
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
เหตุจูงใจล้างแค้น
ข้อหาวางเพลิงโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
บทลงโทษประหารชีวิต
รายละเอียด
วันที่25 สิงหาคม พ.ศ.2538
ประเทศประเทศไทย
รัฐจังหวัดสงขลา
ตำแหน่งหมู่บ้านวาสนาวิลเลส หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านพลุ อำเภอหาดใหญ่
เป้าหมายครอบครัวแก้วเกลี้ยง
ตายนางสาววันดี แก้วเกลี้ยง อายุ 16 ปี
บาดเจ็บนายจำนงค์ แก้วเกลี้ยง อายุ 40 ปี 
เด็กหญิง สายสุณี แก้วเกลี้ยง อายุ 13 ปี
29 กันยายน พ.ศ.2538
ก่อนหน้า
เดชา สุวรรณสุก
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย
วาด ขุนจันทร์ , เก้า ปั้นหยัด และ อุทัย กัญชนะกาญน์
ถัดไป
นพดล แขกเต้า

อุทัย กัญชนะกาญจน์ เป็นมือปืนรับจ้างและผู้ต้องโทษประหารชีวิตคนที่ 286 ของประเทศไทยด้วยการยิงเป้า ในความผิดฐานจากยิงนายเอียด พรหมนุชจนเสียชีวิต ที่อำเภอกระบุรี เมื่อวันที่20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 และถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตในคดีฆาตกรรมในพื้นที่สถานีภูธรราชกรูด อำเภอเมืองระนอง แต่เขาถูกยกฎีกาและประหารชีวิตจากคดีฆาตกรรมที่อำเภอกระบุรีโดยเขายังมีคดีฆาตกรรมที่ถูกอายัดเอาไว้แล้วยังไม่ได้ฟ้องอีกอย่างน้อย 3 คดี ก่อนการประหารชีวิตเขายังอ้างว่าเขาฆ่ามาคนมาอย่างน้อย 50 ศพ

ในช่วงวัยรุ่นอุทัยได้มีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่น และเขาได้ก่อเหตุฆาตกรรมวัยรุ่นคนหนึ่งระหว่างการทะเลาะวิวาท เขาจึงหนีการจับกุมของตำรวจไปอยู่กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งผู้ใหญ่คนดังกล่าวให้ความช่วยเหลือเขามาโดยตลอด เนื่องจากผู้ใหญ่คนดังกล่าวมีศัตรูมาก เขาจึงรับงานฆ่าเพื่อตอบแทนบุญคุณ ในบางครั้งผู้ใหญ่ได้มอบหมายงานนอกให้ทำ ซึ่งเขาได้ทำงานฆ๋าสำเร็จทำครั้งโดยไม่เคยพลาดเลย จนกระทั่งเขามือชื่อเสียงโด่งดังในวงการมือปืน ต่อมาผู้ใหญ่คนดังกล่าวถูกยิงเสียชีวิตทำให้เขาไร้ที่พึ่งพิงและถูกตำรวจับกุมในปีพ.ศ.2525 ก่อนจะถูกศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชตัดสินในคดีฆ่าคนตาย 3 คดี และพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อ 25 ตุลาคม พ.ศ.2532 หลังจากพ้นโทษเขาได้ไปทำงานให้ซุ้มมือปืนชื่อดังในภาคใต้ และรับงานฆ่าคนหลายคนโดยในบางครั้งได้รับค่าจ้างสูงถึง 1 ล้านบาท และยังมีหมายจับในคดีฆาตกรรมที่ตำบลราชกรูด

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ได้มีรถกระบะยี่ห้อนิสสันสีดำจอดรอเอียด พรหมนุชที่ร้านกาแฟในตลาดทับหลี ได้มีชายคนหนึ่งเข้ามานั่งรอเอียดในร้านกาแฟ เมื่อเอียดเดินทางมาถึง ชายคนดังกล่าวจึงทำท่าคล้ายจะชักอาวุธออกจากหน้าท้อง ส่งผลให้ให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเห็นความผิดปกติจึงได้วิทยุขอกำลังมาตรวจสอบชายคนดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวไหวตัวทันและหลบหนีขึ้นรถไป วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2535 ระหว่างที่เอียดกำลังขับรถจักรยานยนต์ถนนเพชรเกษม ที่อำเภอกระบุรี ได้มีชาย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายขับรถเข้าประกบรถของเอียด ก่อนที่ชายคนซ้อนท้ายจะใช้ปืนจ่อยิงเอียดจนเสียชีวิต แล้วขับรถจักรยานยนต์ออกจากจากที่เกิดเหตุ ก่อนจะเปลี่ยนไปขับรถกระบะยี่ห้อนิสสันสีดำซึ่งไม่ติดทะเบียนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหยุดรถกระบะคันดังกล่าวที่ถนนเพชรเกษมขณะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดชุมพร โดยพบแผ่นทะเบียนซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งและอุทัย กัญชนะกาญน์ กับนายศรีพัฒน์ กัญชนะกาญน์ อยู่บนรถยนต์ ซึ่งเขากับศรีพัฒน์ได้ปฎิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมกับการฆาตกรรม ก่อนนำนำตัวของทั้งสองไปยังสถานีตำรวจและนำพยานมาชี้ตัว จากการสอบสวนทราบว่าเอียดมีหน้าที่ดูแลบ่อนการพนันในประเทศพม่าให้นายแก้ว ข้าราชการอำเภอกระบุรี ต่อมานายสุขสวัสดิ์ ข้าราชการของอำเภอกระบุรีอีกคน ได้เปิดบ่อนการพนันขึ้นในประเทศพม่าเช่นกัน แต่สู้บ่อนที่เอียดดูแลอยู่ไม่ได้ จึงขอร้องในายประเทืองบอกนายแก้วให้ปิดบ่อนการพนัน เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเล่นที่บ่อนแห่งใหม่ แต่ก็นายแก้วถูกปฎิเสธ

ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องศรีพัฒน์และอุทัยในคดีฆาตกรรมเอียด และทั้งคู่ยังคงถูกฝากขังที่เรือนจำจังหวัดระนอง ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดระนองได้ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้พิพากษาประหารชีวิตอุทัย ส่วนศรีพัฒน์พิพากษษยืนยกฟ้อง และย้ายตัวอุทัยจากเรือนจำจังหวัดระนองไปเรือนจำกลางบางขวาง เขาจึงยื่นฎีกา แต่ศาลฏีกาพิพากษายืนประหารชีวิต ส่วนคดีฆาตกรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรราชกรูดเขาถูกตัดสินประหารชีวิตแต่คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ ส่วนคดีอื่นๆถูกอายัดไว้ไม่ได้ฟ้อง เขาจึงทำหนังสือถวายฎีกาทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวก็ถูกยก

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2542 เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงได้เบิกตัวของอุทัย, เก้า ปั้นหยัด นักโทษประหารในคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ ที่จังหวัดนครปฐม และ วาด ขุนจันทร์ ในคดีวางเพลิงบ้านพักคนงานก่อสร้างที่จังหวัดสงขลา เพื่อล้างแค้นเนื่องจากผู้เสียหายนำเรื่องที่ถูกข่มขืนไปแจ้งความ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บสาหัส 2 คน ระหว่างการเบิกตัวอุทัยได้มีสีหน้ายิ้มแย้มและสามารถเดินได้ตามปกติ เมื่อนำตัวเขามาถึงหมวดผู้ช่วยเหลือเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจสอบประวัติอาชญกรรม ระหว่างการพิมพ์ลายนิ้วมือได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถามอุทัยว่า “คุณอุทัย คุณถูกตัดสินประหารชีวิตถึง 2 คดีเชียวหรือ แล้วรู้สึกว่าจะมีคดีอายัดอีกตั้งหลายคดี” อุทัยตอบว่า “ใช่ครับ ผมถูกตัดสินมาถึงสองประหาร แล้วยังมีคดีอายัดที่ยังไม่ได้ฟ้องอีก ถ้ารอให้ตัดสินหมดทุกคดี ผมคงจะมีถึง 5 หรือ 6 ประหารเป็นอย่างต่ำ ก็ผมเป็นมือปืนอาชีพนี่ครับ” เมื่อพี่เลี้ยงได้ถามเขาว่า “อุทัยเคยฆ่าคนมาแล้วกี่ศพพอจะจำได้ไหม” ้ เขาตอบว่า “เท่าที่ผมพอจะจำได้คิดว่าไม่ต่ำกว่า 50 ศพ บางคดีเรื่องก็เงียบไปเลย บางคดีตำรวจตามเต็มที่ ผมทำคดีดังๆมาเยอะ งานมันง่ายเงินก็ดี แค่เดินเข้าไปหาเหยื่อแล้วกดโป้งเข้าให้ เสร็จแล้วเก็บตัวสักพักรอเรื่องเงียบ ค่อยออกมาใช้เงินอย่างสบายใจ มือปืนอาชีพอย่างพวกผม ไปหลบอยู่ที่ไหนก็มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลตลอดแหละครับ ถ้าไม่พลาดซะอย่างตำรวจทำอะไรไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ” 

เขาได้อ้างว่าเขาไม่ได้ก่อคดีฆ่าเอียด แต่ก่อคดีฆาตกรรมที่ตำบลราชกรูด ซึ่งในระหว่างเกิดเหตุเขาอยู๋บริเวณจังหวัดระนอง โดยเขาไปรับงานยิงคนอีกคนแต่ยังไม่ได้ก่อเหตุ เมื่อเกิดเหตุพยานได้บอกรูปพรรณสัณฐานของมือปืนให้ตำรวจฟัง ทำให้ตำรวจคิดว่าเป็นเขาเพราะคนร้ายที่ฆ่าเอียดมีรูปร่างคล้ายกับเขา และสามารถจับตัวเขากับศรีพัฒน์ทั้งที่บนรถไม่มีหลักฐาน เขากับศรีพัฒน์จึงปฎิเสธข้อกล่าวหาไป ส่วนคนที่ฆาตกรรมเอียดถูกตัดสินขำคุกตลาดชีวิตจากคดีที่ไม่ได้ก่อ และถูกคุมขังที่แดน 2 ของเรือนจำกลางบางขวาง อทุยได้กล่าวเสริมว่า"แต่ถ้ามาเปรียบเทียบดูแล้ว ระหว่างชีวิตคนที่ผมฆ่าตั้ง 50 กว่าศพ ส่วนผมแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น ผมว่าผมคุ้มมากๆ ผมตายแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจะกลัวอะไร ถ้าคดีนี้ไม่ประหารผม คดีอื่นก็ต้องประหารผมอยู่ดีแหละครับ"

พี่เลี้ยงคนดังกล่าวจึงถามว่า “อุทัยฆ่าคนมามากขนาดนี้ไม่กลัวบาปกรรมบ้างหรือ” เขาหัวเราะแล้วตอบว่า “บาปหน้าตาเป็นยังไงหรือครับ ผมเองก็นับถือพุทธ แต่ผมไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์อะไรหรอกครับ คนตายไปแล้วก็เป็นอันสิ้นสุด ไม่มีใครย้อนกลับมาเกิดใหม่ได้หรอกครับ ที่จริงคนที่ผมฆ่าบางคน เลวยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น สิ่งไหนที่ผิดกฎหมายมันเอาหมด บางคนต่อหน้าทำตัวดูเป็นนักบุญ แต่เบื้องหลังมันค้าทั้งยา ค้าผู้หญิง บ่อนซ่องเป็นของมันหมด เวลาผมยิงกบาลมัน เห็นสมองมันกระจาย ผมรู้สึกสะใจดีพิลึกครับ เวลาตายมันก็นอนตายเหมือนหมา ไม่เห็นมันจะมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น ผมยังไม่เคยเห็นผีคนที่ผมฆ่ามาหาผมสักที ไม่มีหรอกครับเรื่องบาปกรรม คนเราสมมุติกันขึ้นมาเองมากกว่า ถ้าคนตายแล้วเกิดใหม่ได้ ป่านนี้คนล้นโลกไปแล้วละครับเชื่อผมเถอะ” หลังจากพิมพ์ลายนิ้วมือ เวรผู้ใหญ่ได้เข้ามาอ่านคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีและให้เซ็นทราบในคำสั่งนั้นตามระเบียบ หลังจากนั้นให้ทำพินัยกรรมและเขียนจดหมาย เขาได้เขียนจดหมายถึงพ่อแม่โดยมีใจความว่า “เมื่อพ่อและแม่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ลูกได้จากโลกนี้ไปแล้ว ขอให้พ่อและแม่ดูแลตัวเองให้ดี ลูกขอลาก่อน ลูกทำผิดมามาก สมควรแล้วที่จะต้องมาถูกประหาร ขอให้พ่อและแม่มาจัดการเรื่องศพของลูกด้วย” หลังจากเขียนจดหมาย เขาปฎิเสธอาหารมื้อสุดท้ายและดื่มน้ำเย็นเท่านั้น ถัดจากนั้นจึงนำทั้งหมดไปฟังเทศนาธรรมจากพระสงฆ์ทุกคนได้ตั้งใจฟังอย่างสงบ หลังจากนั้นได้นำตัววาดไปประหารชีวิตก่อน แล้วนำตัวเก้าไปประหารชีวิตต่อเป็นคนที่ 2 ก่อนจะนำตัวของเขามาประหารชีวิตเป็นคนสุดท้าย

ในระหว่างที่ผูกมัดอุทัยกับหลักประหารอุทัยได้พูดกับอรรถยุทธ พวงสุวรรณ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนักโทษประหารว่าว่า “ช่วยเร่งให้เสร็จเร็วๆหน่อยเถอะครับ จะได้ตายให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปสักที” อรรถยุทธตอบว่า “นึกถึงพระไว้นะอุทัย” เขาพูดว่า “ครับหัวหน้า ผมแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น คุ้มเหลือเกินครับ” อุทัยถูกประารีชวิตเมื่อเวลา 18.23 น. ใช้กระสุนจำนวน 8 นัด โดยเพชรฆาตเชาวเรศน์ จารุบุณย์ และเป็นบุคคลที่ 287 ที่ถูกประหารชีวิตโดยประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478

เกิดพ.ศ. 2504
ป. จังหวัดนครศรีธรรมราช
เสียชีวิต19 กรกฎาคม พ.ศ.2542 (อายุ 38 ปี)
เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตประหารชีวิตด้วยการยิง
ชื่ออื่นชื่อ:อนุรักษ์,ทัย
สกุล:กัญชนะกาญจน์,กัญจนกาญจน์
อาชีพมือปืนรับจ้าง
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา (2525) 
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (2 กระทง) (2535)
บทลงโทษไม่ทราบลดโทษเหลือจำคุกน้อยกว่า 7 ปี (ติดจริง 7 ปี) (2525)
ประหารชีวิต (2535)
รายละเอียด
ผู้เสียหาย5 (ถูกพิจารณาคดี) 
8+ (รวมคดีที่ถูกอายัดไว้) 
50+ (กล่าวอ้าง)
ประมาณพ.ศ. 2520–20 พฤษภาคม พ.ศ.2535
ประเทศประเทศไทย
รัฐจังหวัดนครศรีธรรมราช (ถูกตัดสิน)
จังหวัดระนอง (ถูกตัดสิน)
ตำแหน่งภาคใต้ของประเทศไทย
อาวุธปืน
20 พฤษภาคม พ.ศ.2535 (เป็นครั้งสุดท้าย)
ก่อนหน้า
เดชา สุวรรณสุก
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย
วาด ขุนจันทร์ , เก้า ปั้นหยัด และ อุทัย กัญชนะกาญน์
ถัดไป
นพดล แขกเต้า
ชื่ออาชญกรรมศาลปีวิธีการประหารชีวิตอาหารมื้อสุดท้าย
ฉลาด หิรัญศิริบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน,ร่วมกันเป็นตัวการสำคัญในการสะสมกำลังพลและอาวุธเพื่อเป็นกบฎ, ฆ่าเจ้าพนักงานโดยทารุณโหดร้ายประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี2520ยิงเป้าน้ำส้ม 1 ขวด
ชื่ออาชญกรรมศาลปีวิธีการประหารชีวิตคำพูด
ณ เณร ตาละลักษมณ์กบฎศาลพิเศษ2482ยิงเป้าเมื่อยเต็มที เมื่อไหร่จะยิง
ครอง จันดาวงศ์บ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักรประหารตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี(สกลนคร)2504ยิงเป้าเป็นชุดของผมยังดีอยู่ จะยิงก็ยิงเร็วๆ เถอะ
ฉลาด หิรัญศิริบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน,ร่วมกันเป็นตัวการสำคัญในการสะสมกำลังพลและอาวุธเพื่อเป็นกบฎ, ฆ่าเจ้าพนักงานโดยทารุณโหดร้ายประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี2520ยิงเป้าถ้าพร้อมแล้วบอกนะ
กิ่งแก้ว ลอสูงเนินลักพาตัวเด็กเพื่อเรียกค่าไถ่, ฆ่าคนตายโดยเจตนาประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี2522ยิงเป้าหาหมอ หาหมอ
สมศักดิ์ พรนารายณ์ฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน,ข่มขืนกระทำชำเราเลย2542ยิงเป้าครับหัวหน้า
สำรวย โตสุขลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายสิงห์บุรี2542ยิงเป้าทำไมผูกแน่นจังเลย ผมจะหายใจไม่ออกแล้ว
เดชา สุวรรณสุกข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายหรือทรมานมีนบุรี2542ยิงเป้าผมขออโหสิกรรมให้ทุกคน รวมทั้งตำรวจที่มาจับกุมผมด้วย ผมไม่ขอมีเวรกรรมกับใครอีก แต่ผมขอยืนยันครั้งสุดท้ายว่าไม่ได้ทำน้องนุ่น
วาด ขุนจันทร์ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายหรือทรมานสงขลา2542ยิงเป้าผมกลัวจังเลยครับหัวหน้า อย่าให้ผมต้องทรมานนะครับ
อุทัย กัญชนะกาญจน์ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนระนอง2542ยิงเป้าครับหัวหน้า ผมแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น คุ้มเหลือเกินครับ
นพดล แขกเต้าฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนสุราษฎร์ธานี2542ยิงเป้าหัวหน้าต้องโทรให้ได้ภายในวันนี้นะครับ บอกด้วยว่าผมคิดถึงบ้านคิดถึงทุกคนผมอยากกลับบ้าน อย่าลืมมารับผมกลับบ้านด้วย หลังจากที่ถูกยิงชุดแรกนพดลไม่เสียชีวิตจากการยิงชุดแรกและส่งเสียงร้อง
สุรศักดิ์ ยิคซังฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ชิงทรัพย์จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายกาญจนบุรี2542ยิงเป้าโอย โอย ปวดเหลือเกิน โอย (สุรศักดิ์หลังจากถูกยิงชุดแรกซึ่งเขาต้องยิงถึง 3 ชุดจึงจะเสียชีวิต)
สมพร เชยชื่นจิตรร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตรัง2542ยิงเป้าต้องขอโทษหัวหน้าด้วยครับที่ต้องช่วยกันหิ้วปีกผมมา ผมพยายามทำใจให้เข้มแข็งแล้ว แต่จู่ๆขาของผมมันอ่อนทรุดลงไปเอง รีบๆยิงผมเถอะครับ ผมเสียวเหลือเกิน เอาให้ตายทันทีเลยนะครับ ผมไม่อยากทรมาน ผมขออโหสิกรรมให้หัวหน้าทุกคนครับ
สมัย ปานอินทร์ผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เพื่อจำหน่ายอาญากรุงเทพ2542ยิงเป้าจะให้ท่องในใจใช่ไหม ได้ตกลง
ประยุทธ์ ผลพันธ์ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนพัทลุง2542ยิงเป้าปอยโว้ย ผู้หญิงได้ไปรอเราอยู่แล้ว เราตาม…
ตะปอยโฮฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้สีคิ้ว2542ยิงเป้าขอให้หัวหน้าโชคดีมีเงินมากๆผมขอลาก่อน
ลี ยวน กวงร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไปอาญากรุงเทพ2544ยิงเป้าผงซี้เลี้ยวทังบุงให้ล่วย
บุญเกิด จิตปราณีอาญากรุงเทพ2544ยิงเป้าเฮียเขาไปแล้วใช่ไหมครับ
วิเชียร แสนมหายักษ์นำเข้ายาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เพื่อจำหน่าย และครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไปเชียงราย2544ยิงเป้าทำไมนานเหลือเกิน ผมเสียวหลังจนไม่รู้ว่าจะเสียวยังไงแล้ว จะฆ่าจะแกงก็รีบๆทำเถอะ มันทรมานจิตใจผมเหลือเกิน
รอมาลี ตาเย๊ะจ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนราธิวาส2544ยิงเป้าขอโทษทีเพื่อนที่ให้รอ ผมละหมาดนานไปหน่อย
โปร่ง เกตุศิริครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไปอาญากรุงเทพ2544ยิงเป้าครับหัวหน้า ผมขออโหสิกรรมให้กับทุกคน ผมขอลาก่อนนะครับ
อำไพ ไสโพธิ์กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, พรากผู้เยาวน์เพื่อการอนาจาร และฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนบุรีรัมย์2544ยิงเป้าหัวหน้าครับ ฝากเตือนคนทั่วไปด้วยนะครับ เหล้ายาเป็นสิ่งไม่ดี เป็นต้นเหตุของความผิดหลายๆอย่าง ถ้าใครเลิกได้ก็ขอให้เลิกซะ แต่ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ขอให้กินอย่างมีสติ อย่าให้เหมือนอย่างผมเลยนะครับ
สุรกิจ ลิ้มเจริญวงศ์ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน, ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันปล้นทรัพย์โดยผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วยสีคิ้ว2545ยิงเป้ากลัวแล้ว อย่ายิงผมเลยครับ ผมกลัวแล้ว อย่ายิ…
จาย ส่างออครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไปอาญากรุงเทพ2545ยิงเป้าหยุดร้องได้หรือยังวะ จะตายกันอยู่แล้วยังจะร้องอยู่ได้ เสียสมาธิหมด มันก็กลัวกันทุกคนแหละวะ จะร้องไปทำไม
กุลชนก อินเทศราช2545ยิงเป้าป่านนี้ไอ้จายมันไปรอเราอยู่แล้ว พวกเราตามมันไปเป็นเพื่อนกันเถอะวะ
เนตรน้อย ส่างคิด2545ยิงเป้าตกลง
คง สุเพือนกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเพื่อให้ได้ค่าไถ่จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายสุรินทร์2545ยิงเป้าที่เหนอะหนะอยู่นี่คือเลือดพี่ชาติใช่ไหมครับ
จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายอาญากรุงเทพ2552ฉีดสารพิษเฮียครับ ผมลาก่อน ผมขออโหสิกรรมให้เฮีย และขอให้เฮียอโหสิกรรมให้ผมด้วย เราจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันอีกต่อไปนะเฮีย

นั่นคือนักโทษคนสุดท้านที่ถูกยิงเป้าซึ่งผมจะเขียนภายในสัปดาห์นี้คดีของสุดใจมีความน่าสนใจหลายขั้นตอน ซึ่งอตนนี่้มีคำพิพกาษาคดีและข้อมูลจากหนังสือของเชาว์เรศน์ จารุบุศย์ ซึ่งจะเขียนได้ในเร็วๆนี้ ส่วนสุพจน์ เพ็งคล้าย ตำรวจสถานีตำรวจป่าพยอม ที่ยิงชายคนหนึ่งจนเสียชีวิต และ 2 คนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหลบหนีไปเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนจะขว้างะเบิดมือใส่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บหลายราย ตอนนี้คดียังอยู่ระหว่างหาข้อมูล ซึ่งจะเขียนร่างในทดลองเขียนเพราะอ้างอิงมีแค่ของแอมเนสตี้เท่านั้น กับหนังสือพิมพ์ในงานวิจัยโทษประหาร ซึ่งยืนยันได้อีกขั้นว่าข้อมูลคดีจากแอมเนสตี้น่าจะถูกโดยมีคำพิพากษษคดีอยู่ แต่สุพจน์ไม่น่ามีข้อมู,มากพอจะเขียนในบทความ แต่สุดใจชนะน่าจัะเป็นบทความได้

คดีของสน่ัน อำกอง จำเลยจะข่มขืนกระทำชำเรา น. เด็กหญิงอายุ 13 ปีน. ไม่ยอม จำเลยฟัน น. ถึง 8 แผล ส. น้องชาย อายุ 11 ปีเข้าช่วย จำเลยฟัน ส. 4 แผล ซึ่งแต่ละแผลถูกอวัยวะสำคัญเช่น คอ ศีรษะ คอเกือบขาด แม้ ส. จะร้องว่ากลัวแล้วไหว้แล้ว จำเลยก็ไม่หยุดยั้งดังนี้ จำเลยกระทำโดยเจตนาฆ่าด้วยจิตใจอำมหิต ขาดความเมตตาเท่านั้นมิใช่เป็นการกระทำทารุณโหดร้ายต่อผู้ตายทั้งสองตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) คงมีความผิดตาม มาตรา 288 โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดชุมพร สืบค้นจากเว็บไซค์ศาลฎีกาโดยใช้ำค้นหาว่าสนั่น

น้อย แหลมไธสงและผู้ก่อเหตุร่วม 3 คน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเองเป็นผู้ใช้มีดเชือดคอเด็กหญิงอายุ 5 ขวบถึงแก่ความตาย และจำเลยยังร่วมกับจำเลยอื่นกระทืบเด็กชายอายุ 8 เดือน ทั้งได้ใช้ผ้าอุดจมูกจนหายใจไม่ออกตาย นอกจากนี้ยังใช้ยาพิษกรอกปากกับใช้มีดเชือดคอมารดาของเด็กทั้งสองผู้ตายจนหลอดเสียงขาด เพื่อจะฆ่าให้ตายด้วย การกระทำของจำเลยดังกล่าวนี้จึงถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289

นายประเสริฐหรือหมัน ฉิมเจริญ จำเลยสมัครใจดื่มสุราเองและขณะกระทำความผิดก็มีความรู้ผิดชอบเป็นอย่างดีจะอ้างว่าได้กระทำความผิดไปด้วยความไร้สติ ไม่รู้ผิดรู้ชอบและไม่สามารถบังคับตนเองได้อันเนื่องมาจากจำเลยดื่มสุรา เป็นข้ออ้างให้ศาลลดหย่อนผ่อนโทษหาได้ไม่

หลังจากผู้ตายร้องให้ช่วยประมาณ 5 นาทีเศษ ว. กับพวกได้ไปยังที่เกิดเหตุพบรอยหญ้าราบจากไหล่ถนนลงไปในคูน้ำ มีจำเลยซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ และต่อมาได้พบศพผู้ตายอยู่ห่างจากที่จำเลยซ่อนตัวอยู่ประมาณ 1 ศอกที่ตัวผู้ตายและตัวจำเลยมีบาดแผล แสดงว่าผู้ตายต่อสู้ขัดขวางจำเลย เมื่อตรวจศพผู้ตายหลังจากเกิดเหตุประมาณ 7 ชั่วโมงเศษก็พบน้ำอสุจิและตัวอสุจิในช่องคลอดผู้ตายจำนวนมาก สาเหตุที่ตายเพราะขาดอากาศเนื่องจากถูกบีบคอและสำลักน้ำ ข้อเท็จจริงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายและฆ่าผู้ตายโดยวิธีกดให้จมน้ำจนสำลักน้ำตายเพื่อปกปิดความผิดของจำเลย โดยไม่จำเป็นต้องนำคำรับสารภาพของจำเลยมาประกอบการพิจารณา ดังนั้น การที่จำเลยให้การรับสารภาพจึงหาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอันจะเป็นเหตุให้ได้รับการบรรเทาโทษไม่ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน

การกระทำความผิดครั้งแรกมิใช่เหตุบรรเทาโทษที่จะลดโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2512 พนักงานอัยการกรมอัยการโจทก์ นายเจริญ หรือจ๊ะ ยิ้มละมัย ที่ 1 นายเต็ง พูลสุข ที่ 2จำเลย

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 289 (7), 340 วรรคท้าย จำเลยสมคบกับพวกทำการปล้นทรัพย์ เมื่อปล้นทรัพย์แล้วระหว่างที่พาเอาทรัพย์หนีไปและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการจับกุมและปกปิดการกระทำของพวกตน พวกของจำเลยคนใดคนหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏจากข้อเท็จจริงแน่ชัดว่าเป็นคนใดได้ยิงพวกผู้เสียหายถึงตาย เป็นเรื่องสมคบกันมาปล้นทรัพย์แล้วมีการตายเกิดขึ้น เมื่อโจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยิงพวกเจ้าทรัพย์ตายหรือจำเลยได้สมคบกับคนร้ายในการปล้นรายนี้ฆ่าพวกของเจ้าทรัพย์หลังจากทำการปล้นทรัพย์แล้ว และระหว่างที่พาเอาทรัพย์หนีไปความผิดของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7)

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว กับพวกอีก 1 คน มีอาวุธสมคบกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายโดยขู่เข็ญว่าจะทำร้ายและใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ การพาเอาทรัพย์ไป เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ และเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้และจำเลยกับพวกได้บังอาจสมคบกันใช้อาวุธปืนยิงสิบเอกอภิรัตน์พวกผู้เสียหายถึงแก่ความตาย เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของจำเลย เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการจับกุม และเพื่อจะหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 289(7), 83 และสั่งคืนของกลางที่เป็นของผู้เสียหายให้แก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายเจริญหรือจ๊ะ ยิ้มละมัย จำเลยที่ 1มีความผิดฐานร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต แต่คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นศาลเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78ประกอบมาตรา 53(1) จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 16 ปี ส่วนนายเต็งจำเลยที่ 2 หลักฐานไม่พอเชื่อว่าได้ร่วมทำการปล้นด้วย จึงให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยที่ 2 พ้นข้อหาไป ให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 2,450 บาทให้ผู้เสียหาย กับคืนขันน้ำพานรองกับสร้อยข้อมือให้ผู้เสียหาย ข้อหานอกจากนี้ให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(7) ด้วยและอุทธรณ์ว่า คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณามิได้เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาเลย ไม่สมควรลดโทษให้จำเลยที่ 1 และอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 ควรมีความผิดตามฟ้องโจทก์หรืออย่างน้อยก็ควรมีความผิดฐานเป็นผู้สมรู้ช่วยเหลือในการกระทำผิดครั้งนี้

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลย ต่อมาได้ขอถอนอุทธรณ์เสียศาลอุทธรณ์สั่งอนุญาต

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ไม่ลดโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53(1) ให้จำเลยที่ 1 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7)

จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายกระทำการปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายจริงส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) นั้นเห็นว่า จำเลยสมคบกับพวกทำการปล้นทรัพย์ เมื่อปล้นทรัพย์แล้ว ระหว่างที่พาเอาทรัพย์หนีไปและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการจับกุมและปกปิดการกระทำผิดของพวกตน พวกของจำเลยคนใดคนหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏจากข้อเท็จจริงแน่ชัดว่าเป็นคนใดได้ยิงสิบเอกอภิรัตน์พวกผู้เสียหายถึงตายเป็นเรื่องสมคบกันมาปล้นทรัพย์แล้วมีการตายเกิดขึ้น เมื่อโจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนยิงพวกเจ้าทรัพย์ตาย หรือจำเลยที่ 1 ได้สมคบกับคนร้ายในการปล้นรายนี้ฆ่าพวกของเจ้าทรัพย์หลังจากทำการปล้นทรัพย์แล้วและระหว่างที่พาเอาทรัพย์หนีไป ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7)

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยที่ 1 และโจทก์

(แสวง ลัดพลี-ทองคำ จารุเหติ-ใหญ่ ศาลยาชีวิน) แหล่งที่มากองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา แผนก หมายเลขคดีดำศาลฎีกา หมายเลขคดีดำศาลชั้นต้น หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น หมายเหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2525 อัยการพะเยาโจทก์ นายมา ไชยมหาพรหมจำเลย

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 289 ผู้ตายเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เป็นคนดีเป็นที่รักใคร่ของประชาชนเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับ ก. กำนันที่มีอิทธิพลหลายเรื่อง เมื่อรถยนต์สองแถวที่ผู้ตายนั่งมาหยุด จำเลยกับพวกที่สะกดรอยมาก็หยุดรถจักรยานยนต์ด้วย พวกจำเลยเข้าไปยิงผู้ตายทางด้านหลังแล้วจำเลยเข้าไปยิงทางด้านหลังซ้ำอีกโดยมิได้พูดจากับผู้ตายเลย ไม่ปรากฏว่าจำเลยและพวกกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ดังนี้ จึงเชื่อว่า ถูกจ้างวานใช้จากผู้อื่นให้มาฆ่าผู้ตายเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

(ชลูตม์ สวัสดิทัต-บรรเทอง ภู่กฤษณา-สุรัช รัตนอุดม) แหล่งที่มากองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา แผนก หมายเลขคดีดำศาลฎีกา หมายเลขคดีดำศาลชั้นต้น หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น หมายเหตุ

อัยการจังหวัดชลบุรีโจทก์ นายสวัสดิ์ รัตนทายะโจทก์ร่วม นายศักดิ์ หรือสมศักดิ์ ปาทาน หรือมุ่งจงรักษ์ ที่1 นายเปี๊ยก หรือธวัช สุธากุล ที่ 2 นายดวน หรือสมควร ศิริเลิศ ที่ 3จำเลย

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 78, 289 จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย ที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตาย เป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จาก จำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันใช้ปืน มีดเป็นอาวุธปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายนายสุชาติผู้เสียหาย และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและฆ่านางสาวสุภาพรรณเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๒๘๔, ๙๒, ๘๓, ๕๘ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ

จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ซึ่งเป็นกระทงหนัก ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยทั้งสามไว้ตลอดชีวิต

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาพิพากษาแก้ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม

จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้ลดโทษ

ศาลฎีกาเห็นว่า นอกจากโจทก์มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยร่วมกันปล้นเอาทรัพย์ผู้เสียหาย และบังคับขู่เข็ญพานางสาวสุภาพรรณไปแล้วแม้ขณะที่นางสาวสุภาพรรณถูกยิงทำร้ายถึงตาย โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงหัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตายประกอบกับปืนสตาร์ของกลางที่ยึดได้จากจำเลยซึ่งพยานผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์แล้ว ก็ให้ความเห็นว่าลูกกระสุนปืนของกลางใช้ยิงมาจากปืนสตาร์ของจำเลยจริง ข้อเท็จจริงบ่งชี้ให้เชื่อได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันฆ่านางสาวสุภาพรรณจริง

คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยังปรากฏข้อเท็จจริงต่อไปอีกว่าเจ้าพนักงานตรวจค้นได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกปล้นไป จากจำเลยทั้งสองอีกหลายอย่าง ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีดังวินิจฉัยมาแล้ว เป็นที่เห็นได้ชัดว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมัดตัวจำเลยที่ ๑, ๒ แน่นหนามั่นคงพอให้ฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัย คำรับสารภาพของจำเลยที่ ๑, ๒ ในกรณีเช่นนี้ไม่พอจะถือว่าให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาการรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยที่ ๑, ๒ นั้นชอบแล้ว

ส่วนคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๓ นั้น แม้จะปรากฏชัดว่าผู้เสียหายนายสุรีย์ นายรัตน์และนายประเสริฐพยานโจทก์ จำหน้าจำเลยได้ว่าเป็นคนร้ายรายนี้ด้วย แต่พยานโจทก์ดังกล่าวแล้วทุกคนต่างไม่รู้จักชื่อและตัวจำเลยนี้มาก่อน คดีคงเพียงแต่ได้ความจากคำของนายประเสริฐคนเดียวว่าเคยเห็นหน้าจำเลยนี้ขับรถอยู่แถวศรีราชาการได้ตัวจำเลยนี้มาดำเนินคดีก็ไม่ใช่เพราะอาศัยคำของพยานโจทก์ แต่หากเป็นเพราะอาศัยคำซัดของจำเลยที่ ๑, ๒ ซึ่งเป็นคำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ เมื่อพันตำรวจตรีบุณยชัยผู้สอบสวนติดต่อสอบถามไปทางพนักงานสอบสวนอำเภอศรีราชา จึงได้ความว่าจำเลยนี้ถูกจับกุมไว้อยู่แล้วในข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาทอีกคดีหนึ่ง เมื่อให้พยานดูตัวจำเลยนี้ พยานจึงยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวหากคำนึงถึงว่าการที่จะได้ตัวจำเลยที่ ๓ มาดำเนินคดี ประกอบทั้งไม่ได้ทรัพย์สินผู้เสียหายที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ ๓ เป็นของกลางแต่อย่างใดเลย เช่นนี้ การที่จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาล จึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มาก ฉะนั้นโดยเหตุผลทางคดี ควรปรานีลดโทษให้จำเลยที่ ๓ เป็นการเฉพาะตัว

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ลดโทษประหารชีวิตจำเลยที่ ๓ กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ ประมวลกฎหมายอาญาคงจำคุกจำเลยที่ ๓ ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้แล้ว คงให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

(จรัญ อิศระ-ประสม เภกะสุต-สวัสดิ์ ภู่งาม) ศาลจังหวัดชลบุรี - นายสำราญ ศรีประสาธน์ ศาลอุทธรณ์ - นายประพจน์ ถิระวัฒน์ แหล่งที่มากองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา แผนก หมายเลขคดีดำศาลฎีกา หมายเลขคดีดำศาลชั้นต้น หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น หมายเหตุ

ในปีพ.ศ. 2477 ได้มีการแก้ไขกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 โดยเปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการตัดศีรษะเป็นการยิงด้วยปืน และเปลี่ยนผู้มีอำนาจการสั่งโทษจากพระมหากษัตริย์เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่[note 1] โดยประกาศใช้กฎหมายนั้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2478[1] ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญาในปี พ.ศ. 2499 ยังคงให้ใช้การยิงด้วยปืนเป็นวิธีการประหารชีวิต[2]ปืนที่ใช้ในการประหารชีวิตตั้งแต่ปีพ.ศ. 2478 - พ.ศ. 2520 คือเอ็มเพ 18 หรือ เบิร์กมันน์ เอ็มเพ 18 ซึ่งใช้ในการประหารชีวิตสิบเอกสวัสดิ์ มะหะหมัด เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2478 หลังจากการประหารชีวิตปังจอง แซ่อึ้ง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2521 ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย ได้มีการเปลี่ยนปืนกลมือจากเบิร์กมันน์เป็นเฮคแลร์อุนด์คอค เอ็มเพ 5 หรือ ปืนกลมือเอ็มพี 5 เอสดี 3 และใช้เป็นครั้งแรกในการประหารชีวิตปลั่ง ยิ่งสกุล กับ วิเชียร อ่างแก้ว ในอีก 23 วันถัดมา และเฮคแลร์อุนด์คอค เอ็มเพ 5ถูกใช้จนกระทั่งการประหารชีวิตสุดใจ ชนะซึ่งเป็นบุคคลสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า[3][4]

หลังจากการประหารชีวิตสมโภชน์ ชื่นชม, ไพริน ณ วันดี, คำพัน อรรถศรี และ สุวรรณ คำภูษา เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2530 ในความผิดฐานฆาตกรรม ประเทศไทยได้ไม่มีการประหารชีวิตเป็นเวลาเกือบ 9 ปี ก่อนจะกลับมาประหารชีวิตใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2539 โดยเป็นการประหารชีวิตพรหมมาศ หรือจุน เลื่อมใส เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2539[5][6] และมีการประหารชีวิตอีก 42 ครั้งหลังจากพรหมาศ ในปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลได้มีการเสนอแก้พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2546 โดยแก้ไขมาตรา 19 ว่า " ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต ให้ดำเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย"ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 กันยายน 2546 โดยเป็นการเปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการยิงเป้าเป็นการฉีดสารพิษ[7]

นี่คือรายชื่อบุคคลที่ถูกประหารชีวิตโดยเพชณฆาตของกรมราชทัณฑ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 - พ.ศ.2530 โดยไม่รวมถึงการประหารชีวิตนอกเรือนจำโดยเพชณฆาตซึ่งเป็นตำรวจหรือทหาร หลังจากการแก้ไขประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 ว่าด้วยการประหารชึวิตจากการ "ให้เอาไปตัดศีรษะเสีย" เป็น "ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย" ในปี พ.ศ. 2477 ซึ่งรายชื่อดังกล่าวถูกรวบรวมตามข้อมูลที่บันทึกไว้โดยเรือนจำกลางบางขวางและเผยแพร่ผ่านทางเฟสบุ๊ค แฟนคลับยุทธ บางขวาง เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 โดยอรรถยุทธ พวงสุวรรณ อดีตเจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพชำนาญงาน เรือนจำกลางบางขวาง และเป็นอดีตพี่เลี้ยงนักโทษประหาร 

ลำดับที่ชื่ออายุเพศวันที่ถูกประหารชีวิตศาล/คำสั่งนายกรัฐมนตรีความผิดฐานเพชณฆาตนายกรัฐมนตรี
1สวัสดิ์ มะหะหมัด[note 2][8][9]-ชาย11 กันยายน พ.ศ 2478[10][11]ศาลพิเศษประทุษร้ายต่อพระบรมราชตระกูลทิพย์ มียศพระยาพหลพลพยุหเสนา
2เขียน บุญกันสอน[12]40ชาย12 กรกฎาคม พ.ศ 2480[note 3]พิษณุโลกสมคบคิดกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
3เคลิ้ม น้ำทอง-ชาย27 กันยายน พ.ศ 2481อ่างทองฆ่าคนด้วยกระทำทรมาน หรือแสดงความดุร้ายทำแก่ผู้ตายให้ได้ความลำบากอย่างสาหัส
4คูณ นกอิน41ชาย16 ธันวาคม พ.ศ 2481สุโขทัยฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมาย
5เขียว จ้อยขำ32ชาย7 มกราคม พ.ศ 2481[note 4]นครนายกปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าคนเพื่อประโยชน์ที่จะตระเตรียมการ หรือให้เป็นความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่นแปลก พิบูลสงคราม
6นิตย์ อินสมุทร์-ชาย11 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2481[note 4]สมุทรปราการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
7สมบุญ พรรณขาม41ชาย28 พฤศจิกายน พ.ศ 2482ราชบุรีฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมาย,ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, วางเพลิงและเผาเคหะสถานเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
8เจียม ใจเลิศ26ชายสุพรรณบุรีร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นทิพย์ มียศ
9จอม ใจเลิศ24ชาย
10เบี่ยง สังข์พันธ์เคราะห์27ชายเพชรบุรีปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
11หับ พัดริน-ชาย29 พฤศจิกายน พ.ศ 2482สุราษฎร์ธานีฆ่าคนตายโดยเจตนาทิพย์ มียศ
12พุด วงษ์เจริญ37ชายชลบุรีปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพื่อจะเอาผลประโยชน์และสะดวกในการปล้นเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
13ชม พึ่งยนต์31ชายนครนายกฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมาย
14ปาน จุนทอง36ชายพัทลุงฆ่าคนตายโดยเจตนา
15พระสุวรรณชิต (วร กังสวร)-ชาย30 พฤศจิกายน พ.ศ 2482ศาลพิเศษสมคบกันกระทำการประทุษร้ายเพื่อจะทำลายรัฐบาล[13]ทิพย์ มียศ
16เผ่าพงษ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
17ผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา-ชายทิพย์ มียศ
18บุญมาก ฤทธิสิงห์-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง


19ขุนคลี่พลพฤณฑ์ (คลี่ สุนทรารชุน)-ชาย1 ธันวาคม พ.ศ 2482ทิพย์ มียศ
20แม้น เลิศนาวี-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
21หลวงมหิทธิโยธี (สุ้ย ยุกตวิสาร)-ชายทิพย์ มียศ
22พระสิทธิเรืองเดชพล (แสง พันธ์ประภาส)-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
23แสง วัณณะศิริ-ชาย2 ธันวาคม พ.ศ 2482ทิพย์ มียศ
24ขุนไววิทยาศร (เสงี่ยม ไวยวิทย์)-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
25ขุนนามนฤนาท (นาม ประดิษฐานนท์)-ชายทิพย์ มียศ
26จรัส สุนทรภักดี-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
27สัย เกษจินดา-ชาย3 ธันวาคม พ.ศ 2482ทิพย์ มียศ
28ทง ช่างชาญกล-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
29เสริม พุ่มทอง-ชาย
30พวง พลนาวี-ชายทิพย์ มียศ
31ณเณร ตาละลักษณ์-ชายทิพย์ มียศ[note 5]
32ลี บุญตา-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
33หยุง ซิมแซ34ชาย5 มกราคม พ.ศ. 2482[note 4]กาญจนบุรีฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายทิพย์ มียศ
34มิ่ง อิ่มอ้น41ชายสุโขทัยฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
35หง แซ่เซียว26ชายกาญจนบุรีฆ่าคนตายโดยเจตนาทิพย์ มียศ
36มัด ศรีมัย-ชาย6 มกราคม พ.ศ. 2482[note 4]อุตรดิตถ์ฆ่าคนตายโดยเจตนา
37ค่ำ สระทองสังข์47ชายนครปฐมฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
38ผาย อุทัยวรรณ36ชายพิจิตรร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาทิพย์ มียศ
39ยัง เม่นรักษ์48ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
40นงค์ ขันอาษา28ชายประจวบคีรีขันธ์ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาและฉุดคร่าเพื่อทำอนาจารทิพย์ มียศ
41เทียบ เขียวไปรเวศ28ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
42เหลา โกฏละออง33ชาย8 มกราคม พ.ศ. 2482[note 4]สวรรคโลกฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายทิพย์ มียศ
43กราน ใจแน่37ชายพิษณุโลกฆ่าคนตายโดยเจตนาเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
44แคล้ว สังข์ลอย31ชายราชบุรีร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าคนเพื่อประโยชน์ที่จะตระเตรียมการ หรือให้เป็นความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่นทิพย์ มียศ
45เถา อารมย์ดี31ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
46ใบ เพ็ชร์นิลบุตร์43ชายทิพย์ มียศ
47นวม ขันอาษา31ชายประจวบคีรีขันธ์ฆ่าคนตายโดยเจตนาเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
48สังข์ สว่างใจ33ชาย10 มกราคม พ.ศ. 2482[note 4]ธนบุรีฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายทิพย์ มียศ
49ใช้ วะตัญญู40ชายราชบุรีฆ่าคนตายโดยเจตนาเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
50จันทา สายทัน29ชายอุบลราชธานีฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมาย และด้วยกระทำทรมาน หรือแสดงความดุร้ายทำแก่ผู้ตายให้ได้ความลำบากอย่างสาหัสทิพย์ มียศ
51ชั้น น้ำจันทร์26ชายชัยนาทฆ่าคนตายโดยเจตนาเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
52วัน มายัง31ชายพิจิตรสมคบคิดกันปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์, ฆ่าคนเพื่อประโยชน์ที่จะตระเตรียมการ หรือให้เป็นความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่นทิพย์ มียศ
53สวัสดิ์ ชูนาม28ชายราชบุรีร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วยความพยาบาทมาดหมายและลักทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วยเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
54อันตรา คาน29ชาย15 มกราคม พ.ศ. 2482[note 4]พิษณุโลกร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาทิพย์ มียศ
55หลวงทิพอักษร (ทิพ รัตตะพันธ์)-ชาย22 มกราคม พ.ศ. 2484ศาลพิเศษกบฏภายนอกราชอาณาจักร
56ทอง สุทธิโสภา-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
57เจริญ แซ่ลี้-ชาย3 มีนาคม พ.ศ. 2484กบฏภายนอกราชอาณาจักรทิพย์ มียศ
58งาม ใยบัวเทศ40ชาย7 มีนาคม พ.ศ. 2484อาญากรุงเทพฆ่าคนตายโดยเจตนาและพยายามลักทรัพย์
59มงคล อินสอน25ชายสรรคโลกฆ่าคนตายโดยเจตนาเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
60ไปล่ บุญเพ็ชร์48ชายสุโขทัยร่วมกันฆ่าวางเพลิงและฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายทิพย์ มียศ
61ย้อย แสงอ่ำ48ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
62ปัน ธรรมวงศ์40ชายลำพูนฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายเพื่อจะปกปิดการกระทำผิดและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาทิพย์ มียศ
63เม้า ดิษฐวงษ์-ชาย1 สิงหาคม พ.ศ. 2484ศาลพิเศษกบฏภายนอกราชอาณาจักร
64อิ๊ด เป้าจินดา41ชาย25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485นครปฐมใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดและปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์
65ใย สนบำรุง62หญิงเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
66มี เจนสาริกิจ41ชายอุทัยธานีฆ่าคนตายโดยเจตนาทิพย์ มียศ
67พุด สานะเสน-ชาย14 ธันวาคม พ.ศ. 2485ศาลมลฑลทหารบกที่ 3[note 6]ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าเจ้าพนักงานผู้ประจำหน้าที่
68สวัสดิ์ นิ่มละม่อม-ชาย24 ธันวาคม พ.ศ. 2485ศาลมลฑลทหารบกที่ 5[note 6]ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าคนเพื่อที่จะเอาผลประโยชน์อันเกิดแต่การกระทำผิดอย่างอื่นมาเป็นของมัน หรือเพื่อจะปกปิดการกระทำผิดอย่างอื่น หรือเพื่อจะหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิด
69หมู มูนดา-ชายศาลมลฑลทหารบกที่ 4[note 6]ฆ่าบิดามารดา หรือฆ่าญาติที่สืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
70มี มินโสด-ชายศาลทหารกรุงเทพ[note 6]ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฆ่าเจ้าพนักงานผู้ประจำหน้าที่ทิพย์ มียศ
71สนอง คชริทธิ์-ชาย5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486ศาลมลฑลทหารบกที่ 4[note 6]ฆ่าคนตายโดยเจตนา
72ตุง แซ่หว่อง28ชาย15 เมษายน พ.ศ. 2486เลยฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมายและซ่อนเร้นศพเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
73อ่อน แดงกูล-ชายกาญจนบุรีปล้นทรัพย์, ฆ่าคนตายโดยเจตนา และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
74กุลยา มันคาล-ชาย15 พฤษภาคม พ.ศ. 2486ปัตตานีฆ่าคนตายโดยเจตนา
75น้อย ลังกะวงส์-ชาย29 พฤษภาคม พ.ศ. 2486ศาลทหารกรุงเทพ[note 6]ฆ่าคนตายโดยเจตนา
76แอ๊ว ชูนาม[note 7]-ชาย2 กรกฎาคม พ.ศ. 2486ฆ่าเจ้าพนักงาน
77พัน จูจัน-ชายฆ่าเจ้าพนักงาน และหลบหนีที่คุมขังทิพย์ มียศ
78โปร่ง สมบุญ-ชาย12 กรกฎาคม พ.ศ 2486ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วยความพยาบาทมาดหมาย
79ก๋อ สมบุญ-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
80สอน กันสิริ-ชายทิพย์ มียศ
81เปล่ง สมบุญ-ชายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
82หวน สานุสิส-ชาย30 ตุลาคม พ.ศ 2486ศาลมลฑลทหารบกที่4[note 6]ฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วยความพยาบาทมาดหมายและละทิ้งเด็กทิพย์ มียศ
83ผิน เจริญสุข-ชายศาลทหารกรุงเทพ[note 6]ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง
84แสง ปัญญาวุทโท หรือ สังวาล กสิรัต-ชาย4 มกราคม พ.ศ 2487ฆ่าคนตายโดยเจตนา
85อุดม บุนนาค-ชาย10 มีนาคม พ.ศ 2487ฆ่าเจ้าพนักงาน
86ฉาย ยิ้มสุข-ชาย19 เมษายน พ.ศ 2487ฆ่าคนตายโดยเจตนา
87สุชิต เหล็งสิทธิ-ชาย24 พฤษภาคม พ.ศ 2487ฆ่าคนตายโดยเจตนา
88แว่ว อำพันภูธร-ชาย1 กรกฎาคม พ.ศ 2487ฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วยความพยาบาทมาดหมาย
89กี่ โพธิ์สลัก-ชาย1 พฤศจิกายน พ.ศ 2494ตราดฆ่าคนตายโดยเจตนา
90จิตต์ ศิริสวัสดิ์-ชายสงขลาฆ่าคนตายเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์
91บุรี ศรีรอดบาง-ชาย
92เฉลียว ปทุมรส52ชาย17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498อาญากรุงเทพสมคบกันประทุษร้ายต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว[14]
93บุศย์ ปัทมศริน55ชาย
94ชิต สิงหเสนี50ชาย
95สิงห์ อินทนนท์26ชาย11 มิถุนายน พ.ศ. 2498เชียงใหม่ฆ่าคนตายโดยเจตนาและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา
96ประถม อุบลอิ่มชัย-ชาย31 สิงหาคม พ.ศ. 2499บุรีรัมย์ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนา
97ประยูร กกประโคน-ชาย
ไม่ถูกนับศุภชัย ศรีสติ[15]34ชาย6 กรกฎาคม พ.ศ. 2502ประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจมาตรา 17กระทำการร้ายเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักรและราชบัลลังก์, คุกคามความสงบภายในประเทศไทยป. เพี้ยน คนแรงดี[note 8]สฤษดิ์ ธนะรัชต์
98ซีอุย แซ่อึ้ง[16][17][18]32ชาย16 กันยายน พ.ศ. 2502ระยองฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายเพี้ยน คนแรงดี
99โฉม ฉิมมา-ชาย30 ธันวาคม พ.ศ. 2502ศาลมลฑลทหารบกที่ 2ร่วมกันฆ่าคนตายเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์
100ใจ ฉิมมา-ชาย
101เชื่อม เมฆอ่ำ-ชาย26 กรกฎาคม พ.ศ. 2503ศาลมลฑลทหารบกที่ 4ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์มุ่ย จุ้ยเจริญ
102ดุ่ย ศุภรังษี-ชายร่วมกันฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์
103ม้วน คล้ายสกุล-ชายนครสวรรค์ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น,ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพี้ยน คนแรงดี
104กอง ผาวัน-ชายอุบลราชธานีฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์
105บัน ใจกล้า-ชายศาลมลฑลทหารบกที่7ฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์
106อั้น แซ่พู่-ชาย19 สิงหาคม พ.ศ.2503ระนองเป็นโจรสลัดปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์มุ่ย จุ้ยเจริญ
107เล็ก วิเชียรลักษณ์-ชายเพี้ยน คนแรงดี
108สง ทองสองแก้ว-ชาย11 ตุลาคม พ.ศ.2503ศาลมลฑลทหารบกที่5ฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่มุ่ย จุ้ยเจริญ
109เลี้ยงฮ้อ แซ่เล้า[19]-ชาย29 สิงหาคม พ.ศ.2504ประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจมาตรา 17ผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย
110ลี อยู่พงษ์[note 9][20]-ชาย31 ตุลาคม พ.ศ.2504ศาลทหารกรุงเทพฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายเพี้ยน คนแรงดี
111เฟือง มากศิริ-ชายปากพนังฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนมุ่ย จุ้ยเจริญ
112เฉลียง ไวทยาพิศาล-ชายนราธิวาสฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพี้ยน คนแรงดี
113ฟ้อน คำภินวม-ชาย16 มีนาคม พ.ศ.2505ศาลมลฑลทหารบกที่ 4ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
114อั้น องอาจ-ชายศาลมลฑลทหารบกที่ 2ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์
115อิน ชาญสูงเนิน-ชายสวรรคโลกฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
116ราม หริอ รวม วงศ์พันธ์[21][22][23]40ชาย24 เมษายน พ.ศ.2505ประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจมาตรา 17การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์มุ่ย จุ้ยเจริญ
117สำเนียง ต้นแขม-ชาย12 พฤษภาคม พ.ศ.2505[note 10]นครสวรรค์ฆ่าผู้อื่นเพื่อเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเพี้ยน คนแรงดี
118ประเสริฐ โพธิ์ทอง-ชาย10 กรกฎาคม พ.ศ.2505ศาลมลฑลทหารบกที่ 2ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดของตน
119นุกูล ปานเทศ-ชาย1 ตุลาคม พ.ศ.2505นครศรีธรรมราชปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมุ่ย จุ้ยเจริญ
120สำลี ฤทธิ์รื่น-ชายหล่มสักลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย ,ฆ่าผู้อื่นเพื่อเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเพี้ยน คนแรงดี
121เขียว ทาคำมา-ชายเชียงรายปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่นมุ่ย จุ้ยเจริญ
122เจือ กาญจนรักษ์-ชายฉะเชิงเทราฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดฐานชิงทรัพย์เพี้ยน คนแรงดี
123แอ๊ว คำสัตย์-ชาย26 ธันวาคม พ.ศ.2505ศาลมลฑลทหารบกที่ 4ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่นมุ่ย จุ้ยเจริญ
124บุญยืน แสงชมพู-ชาย9 เมษายน พ.ศ. 2506เชียงใหม่มีวัตถุระเบิดสําหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา[note 11]เพี้ยน คนแรงดี
125ปัญญา หงส์ป้อง-ชายกบินทร์บุรีพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ หรือใช้กำลังประทุษร้าย, ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรามุ่ย จุ้ยเจริญ
126สุวรรณ สวัสดี หรือ ชิต เรืองสวัสดิ์-ชายฉะเชิงเทราฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์เพี้ยน คนแรงดี
127พวน บำเพ็ญทาน-ชายอ่างทองฆ่าผู้อื่นโดยเจตนามุ่ย จุ้ยเจริญ
128ประจวบ พันธ์เจริญ-ชาย25 มิถุนายน พ.ศ. 2506ศาลมลฑลทหารบกที่ 2ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพี้ยน คนแรงดี
129เลย ทาวรรณ์-ชายศาลมลฑลทหารบกที่ 7ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและร่วมกันฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์มุ่ย จุ้ยเจริญ
130สี เย็นจิตร-ชายร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและร่วมกันฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์เพี้ยน คนแรงดี
131สมพงษ์ ละอองสะอาด-ชาย14 สิงหาคม พ.ศ. 2506ศาลมลฑลทหารบกที่ 2ฆ่าคนตายเพื่อปกปิดความผิดฐานลักทรัพย์
132คล่อง ทองแก้ว-ชายศาลมลฑลทหารบกที่ 5ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมุ่ย จุ้ยเจริญ
133หนม เจริญสุข-ชายศาลมลฑลทหารบกที่ 2ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์
134โฉม ม่วงวงศ์59ชาย28 สิงหาคม พ.ศ. 2506ศาลมลฑลทหารบกที่ 4จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพี้ยน คนแรงดี
135ทรวง ดวงนภา-ชาย10 ตุลาคม พ.ศ. 2506อาญากรุงเทพ[note 12]ร่วมกันฆ่าคนตายด้วยความพยาบาทมาดหมาย(ทรวง,สุวรรณ และซ้อน)/ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน(เตี้ย) [note 13]
136สุวรรณ อุยะตุง-ชายมุ่ย จุ้ยเจริญ
137ซ้อน ผลวานิช-ชายเพี้ยน คนแรงดี
138เตี้ย วิรัช-ชายศาลมลฑลทหารบกที่ 2[note 14]มุ่ย จุ้ยเจริญ
139อนันต์ เกิดบ้านใหม่-ชาย26 ตุลาคม พ.ศ. 2507

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จ่าสิบตรีธรรมนูฐ อุปโครต