ที่ว่าการเภอในจังหวัดเลย
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ


ที่ว่าการอำเภอ
ผู้เขียน กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2566
“อำเภอ” เป็นหน่วยการปกครองรองมาจาก จังหวัด แต่ก่อนนี้เรียกหน่วยการปกครองนี้ว่า “แขวง” แต่ไม่ค่อยจะมีบทบาทในการปกครองมากนัก เพราะว่าความสำคัญไปอยู่ที่เมืองเสียส่วนใหญ่ จากการปฏิรูปการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้อำเภอกลายเป็นส่วนราชการที่สำคัญของการบริหาร แล้ว “อำเภอ” มาจากไหน? เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ตามแผนการปรับปรุงระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในฐานะเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้ทรงกำหนดไว้ให้อำเภอเป็นหน่วยการปกครองขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย อำเภอมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่าเมือง จึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็น “จุดกระทบ” ระหว่างรัฐบาลกับประชาชน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_53417
องที่หลายตำบล ซึ่งรวมเป็นอำเภอหนึ่งนี้ จะให้มีกรมการต่างหูต่างตาผู้ว่าราชการเมือง คอยตรวจตรารักษาแบบแผนที่จัดการปกครองในหมู่บ้านและตำบลให้เป็นไปได้จริง และมิให้มีเหตุขัดข้องหรือให้เสื่อมทรามประการใด และให้กรมการอำเภอนี้เป็นที่ปรึกษาหารือของกำนันพันทนายบ้านทั้งปวงใน จังหวัด อำเภอนั้น ในการที่จะรักษาความปรองดองเรียบร้อยในตำบลและหมู่บ้านทั้งปวงในอำเภอนั้น ประการหนึ่ง
2. จะให้กรมการอำเภอนี้ช่วยกับกำนันในการที่จะระงับคดีเล็กน้อยอันไม่จำเป็นจะต้องส่งโรงศาลให้สำเร็จแก่กันไปโดยสะดวก ไม่ให้ราษฎรได้ความลำบากโดยจำต้องมาฟ้องร้องว่ากล่าวกันเป็นสำนวนยืดยาวป่วยการทำมาหากิน ประการหนึ่ง
3. จะให้กรมการอำเภอนี้ เป็นพนักงานเก็บภาษีอากรในท้องที่ให้เป็นยุติธรรม ตามข้อบังคับพิกัดท้องตรา ประการหนึ่ง
4. จะให้กรมการอำเภอนี้ เป็นผู้ทำบริคณฑ์สัญญากรมธรรม์รูปพรรณในการกู้ยืมซื้อขายทั้งปวงในจังหวัดอำเภอนั้น ประการหนึ่ง
5. จะให้กรมการอำเภอ เป็นพนักงานตรวจตราไต่สวนเอาตัวโจรผู้ร้ายในจังหวัดอำเภอนั้น ประการหนึ่ง
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทับภายในห้องทรงงาน กระทรวงมหาดไทย ที่ศาลาลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง
มาตรการสําคัญของสมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ คือการตราพระราชบัญญัติลักษณะปกครอง ท้องที่ ซึ่งกําหนดแบบแผนและวิธีการปกครองหน่วยบริหารราชการหน่วยนี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ทรงนําร่างกฎหมายใหม่เสนอต่อที่ประชุมข้าหลวงเทศาภิบาลประจำปี เมื่อ ร.ศ. 115 (พ.ศ. 2439) เรียกว่า “ข้อบังคับลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 115” โดยมอบหมายให้ข้าหลวงเทศาภิบาลถือเอาเป็นแบบแผนในการออกไปจัดการปกครองท้องที่ และเพื่อหาข้อขัดข้องและปัญหาในการบริหาร ซึ่งจะได้นำมาแก้ไขก่อนจะเป็นกฎหมายในอนาคต
ข้อบังคับลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 115 เป็นแนวปฏิบัติที่ใช้มาประมาณ 1 ปี ในปีต่อมากระทรวงมหาดไทยจึงได้ตราข้อบังคับฉบับนี้ออกมาเป็นพระราชบัญญัติ มีชื่อว่า “พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 116” ซึ่งนอกจากจะบัญญัติถึงแบบแผนการปกครองชั้นอําเภอแล้ว ยังมีข้อบัญญัติถึงแบบแผนการปกครองชั้นตําบลและหมู่บ้านด้วย
วิธีการกำหนดอำเภอนั้น ตามพระราชบัญญัติระบุไว้ว่า หากภูมิประเทศเป็นที่ราบ กำหนดพลเมืองประมาณ 10,000 คน ให้เป็น 1 อำเภอ, หากภูมิประเทศเป็นป่าหรือภูเขา หรือพลเมืองตั้งบ้านเรือกระจัดกระจาย หรือมีพลเมืองจำนวนน้อย กำหนดระยะทางที่พึงจะเดินไปมาได้ตลอดท้องที่ราว 12 ชั่วโมง ให้เป็น 1 อำเภอ, หากเป็นท้องที่ว่าง ป่าพงดงเขา ไม่มีบ้านเรือนประชาชนอาศัยมากเท่าใด ให้จัดจัดท้องที่ฝากขึ้นอยู่กับอำเภอซึ่งติดกันกับที่ว่างนั้น
สำหรับข้าราชการประจำอำเภอ เรียกว่า “กรมการอำเภอ” ประกอบไปด้วย นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และสมุห์บัญชีอำเภอ
หน้าที่ของกรมการอำเภอนอกจากบริหารปกครองท้องที่แล้ว ยังมีหน้าที่อื่นอีกเช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยในท้องที่, การสืบจับโจรผู้ร้าย, รักษาผลประโยชน์แผ่นดิน จัดเก็บภาษีบางประเภท, ป้องกันโรคร้าย, เป็นธุระจัดการการแพทย์ท้องที่ เช่นปลูกฝี, ตรวจตรากำจัดสิ่งสกปรกในท้องที่, ทำนุบำรุงการศึกษา ฯลฯ
พระราชบัญญัตินี้จึงเป็นกฎหมายฉบับแรก ๆ ที่เป็นรากฐานของการปฏิรูปปกครองของไทย และตอบคำถามได้แล้วว่า “อำเภอ” มาจากไหน?
... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_53417
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น